สารกลูต้าไธโอน ในธรรมชาติ มีอยู่ที่ไหนบ้าง ต่างจากกลูต้าแบบเสริมอย่างไร?

รับผลิตอาหารเสริม,รับผลิตเครื่องสำอางค์,รับผลิตครีม,โรงงานผลิต OEM

สารกลูต้าไธโอน ในธรรมชาติ มีอยู่ที่ไหนบ้าง ต่างจากกลูต้าแบบเสริมอย่างไร?

สารกลูต้าไธโอน ในธรรมชาติ ถือเป็นสิ่งที่เราสามารถเข้าถึงง่ายมากที่สุดในการเพิ่มกลูต้าด้วยวิธีเพิ่มเจ้าสารตัวนี้ตามวิธีธรรมชาติ เนื่องจากกลูต้านั้น แม้จะเป็นสารที่ร่างกายของเราสามารถสร้างได้ แต่ในท้ายที่สุด เมื่ออายุเพิ่มขึ้น การสร้างกลูต้าก็จะยากตามไปด้วยนั่นเองค่ะ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หลาย ๆ คนพยายามเพิ่มกลูต้าไม่ว่าจะด้วยวิธีธรรมชาติหรือในรูปแบบอาหารเสริมก็ตาม เพื่อทดแทนกลูต้าในร่างกายที่สร้างได้น้อยลง ซึ่งอาหารที่มีกลูต้าธรรมชาติสูงจะมีอาหารชนิดใดบ้าง วันนี้ Charmace นำข้อมูลมาฝากค่ะ

สารกลูต้าไธโอน ในธรรมชาติ มีอยู่ที่ไหนบ้าง ต่างจากกลูต้าแบบเสริมอย่างไร?

สารกลูต้าไธโอน ในธรรมชาติ รับประทานได้จากอาหารประเภทใดบ้าง?

กลูตาไธโอน (Glutathione) นับเป็นสารมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่ร่างกายคนเราสามารถผลิตขึ้นเองโดยธรรมชาติ มีคุณอนันต์ต่อสุขภาพ ผู้ที่แข็งแรงและมีอายุยืนยาว จะสามารถตรวจพบสารกลูตาไธโอนในร่างกายในปริมาณสูง ตรงกันข้ามกับคนป่วยและผู้ที่สุขภาพไม่ดี จะพบว่าปริมาณกลูตาไธโอนในร่างกายต่ำมาก

เรามาทำความรู้จักกับสารชนิดนี้ให้เข้าใจมากขึ้น ทำอย่างไรให้ร่างกายสร้างกลูตาไธโอนได้เองมาก ๆ เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง นอกจากจะช่วยชะลอวัยแล้ว ยังช่วยให้อายุยืนยาวอีกด้วย

สารกลูตาไธโอน คืออะไร

เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่สำคัญ 3 ชนิดรวมตัวกันอยู่ คือ ซิสเตอิน (Cystein) ไกลซิน (Glycine) และ กลูตาเมต (Glutamate)

เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายสามารถผลิตกลูตาไธโอนได้เอง และถูกผลิตมากที่สุดที่ตับ ปอด ไต ม้าม ตับอ่อน และเลนส์แก้วตา สารมหัศจรรย์นี้เป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้ร่างกายแข็งแรง หน้าที่สำคัญ 4 ประการคือ…

สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

โดยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค ทั้งไวรัส แบคทีเรีย และสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย รวมทั้งเซลล์มะเร็ง ซึ่งทำหน้าที่กำจัดสารพิษที่ผ่านเข้าในร่างกาย โดยจะจับสารพิษที่ไม่ละลายน้ำให้เปลี่ยนเป็นสารที่ละลายน้ำ และกำจัดออกทางไตหรือทางลำไส้ ดังนั้นตับและไตซึ่งเป็นอวัยวะที่มีของเสียและสารพิษสะสมมากที่สุด จึงพบ กลูตาไธโอนถูกผลิตออกมามากที่สุด เพื่อทำหน้าที่กำจัดของเสียนั่นเอง ในทำนองเดียวกัน ปอด ก็พบกลูตาไธโอนในปริมาณสูง เพื่อกำจัดของเสียจากที่คนเราหายใจเอาฝุ่นละอองและควันพิษเข้าไปที่ปอดนั่นเอง

เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงที่สุด

ผลิตขึ้นเองโดยทุกเซลล์ในร่างกายโดยธรรมชาติ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ปกป้องเซลล์ให้แข็งแรง ช่วยการไหลเวียนของระบบเลือด รักษาการทำงานของหัวใจและปอด ช่วยชะลออายุของเซลล์ทุกเซลล์ และชะลอความเสื่อมโทรมของร่างกายและของอวัยวะทุกส่วน
ช่วยกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซมเซลล์และดีเอ็นเอที่สึกหรอ นับเป็นกุญแจสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีนและไขมัน กระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ชนิดต่าง ๆ

แต่อย่างไรก็ดี การสร้างกลูตาไธโอนจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้นตามภาวะเสื่อมของร่างกาย และยิ่งลดลงเมื่อถูกใช้ขจัดอนุมูลอิสระที่เกิดจากปัจจัยและพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น รังสียูวี โลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง ยา การทำงานหนัก เครียดสะสมอดนอนต่อเนื่อง ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ฯลฯ หรือโรคต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด อัลไซเมอร์ ออทิสติก หอบหืด อ้วน เบาหวาน มะเร็ง ล้วนทำให้กลูตาไธโอนลดลง และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราต้องรับประทานอาหารที่มีกลูต้าสูง เพื่อทดแทนกลูต้าที่หายไปนั่นเองค่ะ

5 อาหารธรรมชาติที่มีกลูต้าไธโอนสูง

เพราะด้วยปัจจัยและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเราในปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยสิ่งรบกวนภายนอกมากมายที่อาจทำให้ร่างกายของเราเสื่อมโทรมได้ไวขึ้น นอกจากการพักผ่อนให้เพียงพอและออกกำลังกายตามปกติในชีวิตประจำวันแล้ว เราควรรู้จักการเสริมด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์กว่าเดิมด้วยสารอาหาร “กลูต้าไธโอน” ที่จะช่วยร่างกายจากสารอนุมูลอิสระให้ห่างไกลจากโรคภัยทั้งโรคมะเร็ง เบาหวาน และโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจ  ในบทความนี้ Charmace จึงรวม 5 สารอาหารที่อุดมด้วยกลูต้าไธโอนที่สามารถหาได้ง่ายและสามารถรับประทานได้ทุกวันมาให้ผู้บริโภคได้อ่านกันค่ะ

1. อะโวคาโด

หนึ่งในสารอาหารยอดฮิตสำหรับคนที่อยากดูแลสุขภาพคือ อะโวคาโด เพราะในอะโวคาโดมีกรดไขมันโอเมก้า ซึ่งเป็นกรดไขมันดี ชนิดไม่อิ่มตัว ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดและป้องกันโรคหัวใจได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เติมเต็มร่องลึก พร้อมทั้งปกป้องผิวจากการถูกทำลายจากสารอนุมูลอิสระต่าง ๆ ชะลอความชราภาพ ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้อีกด้วย

2. หน่อไม้ฝรั่ง

ในหน่อไม้ฝรั่งอุดมไปด้วยสารกลูต้าไธโอนในปริมาณสูงมาก และที่สำคัญคือมีลูทีนที่จะช่วยผลิตคอลลาเจนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แนะนำให้บริโภคแบบสด ๆ ไม่ต้องนำไปต้ม เพราะกลูต้าไธโอนจะถูกทำลายเมื่อผ่านความร้อน แถมยังไม่มีไขมันหรือคอเลสเตอรอลให้กวนใจ มีกากใยสูง ใครที่กำลังลดน้ำหนักก็สามารถหยิบมาล้างและหั่นใส่สลัดกินสด ๆ ได้เลยค่ะ

3. เห็ด

เห็ดอุดมไปด้วยซีลีเนียมที่มีความจำเป็นต่อการสร้างกลูต้าไธโอนให้แก่ผิว และยังอุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งเพิ่มพลังงานในการเร่งกระบวนการสร้างคอลลาเจน ส่งผลให้ผิวสวยเปล่งปลั่ง พร้อมทั้งมีเส้นใยที่ช่วยขับถ่ายและลดน้ำหนัก ฉะนั้นใครที่มีปัญหาเรื่องขับถ่ายไม่สะดวก ลองรับประทานเห็ดเพิ่มเติมดูนะคะ เพราะเมื่อเราขับถ่ายได้ดีขึ้นก็จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารที่ดีและทำงานได้เป็นระบบมากขึ้น

4. ถั่วเหลือง

ถั่วเหลือง มีสารอาหารสำคัญอย่างกรดอะมิโนอยู่ 3 ชนิด คือ Cysteine, Glycine และ Glutamic ซึ่งกรดทั้ง 3 ชนิดนี้มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างกลูต้าไธโอนได้ และนอกจากนี้ยังมีสารไอโซฟลาโวนที่ช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนได้เร็วขึ้น รวมถึงเป็นสารอาหารที่สามารถเลือกรับประทานได้หลายรูปแบบทั้งเต้าหู้ขาว, น้ำเต้าหู้ และนมถั่วเหลือง ตอบโจทย์สำหรับคนรักสุขภาพสุด ๆ

5.มะเขือเทศ

เหมาะสมกับฉายาที่ว่า “ราชินีด้านความงาม” จริง ๆ เพราะมะเขือเทศเต็มไปด้วยสารไลโคปีนและกรดอัลฟาไลโปอิกสูง จึงช่วยในการผลิตและเพิ่มระดับกลูต้าให้ร่างกาย บำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้นสดใส ไม่แห้งกร้าน ห่างไกลการเกิดริ้วรอย เพิ่มความกระจ่างใสให้แก่ผิว จึงไม่แปลกใจว่าทำไมหลายคนมักนำมาทำเป็นที่มาส์กหน้า

กลูต้าธรรมชาติ VS กลูต้าอาหารเสริม กินแบบไหนดีกว่ากัน?

โดยปกติแล้ว กลูต้าทั้ง 2 แบบมีคุณประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ค่ะ แต่จะมีข้อแตกต่างในเรื่องของการนำไปใช้ของร่างกายเสียมากกว่า โดยกลูต้าจากอาหารธรรมชาตินั้น จะมีประโยชน์ต่อร่างกายในการนำไปใช้เพื่อซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แต่สำหรับกลูต้าชนิดอาหารเสริม หรือ ในรูปแบบยา มักจะถูกนำมาใช้ในเฉพาะคนที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะ เช่น บำรุงผิวพรรณ หรือ รักษาภาวะขาดกลูต้าไธโอน เป็นต้น

ภาวะขาดกลูต้าไธโอน…

โดยปกติแล้วร่างกายเราจะไม่ขาดกลูต้าไธโอน นอกจากเป็นโรคบางชนิดที่ต้องการกลูต้าไธโอนมากขึ้น หรือโรคที่ต้านการสร้างกลูตาไธโอน โรคหรืออาการบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับการขาดกลูต้าไธโอน หรือต้องการมากขึ้น ได้แก่ โรคตับ เบาหวาน ความดัน ต้อหิน มะเร็ง เอดส์ ในผู้ที่สูบบุหรี่จัด พบว่ามีระดับกลูต้าไธโอนในเลือดต่ำ เนื่องจากมีการใช้กลูต้าไธโอนมากขึ้น

ข้อบ่งใช้

ในบางประเทศให้ขึ้นทะเบียนกลูตาไธโอนเป็นยา และบางประเทศเป็นอาหารเสริม แต่ในประเทศไทยยังไม่ผ่านการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา

มีรายงานการใช้สารกลูตาไธโอน ในหลายกรณี เช่น โรคทางเดินระบบประสาท เช่น พาร์กินสัน โดยใช้ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ใช้รักษาภาวะเป็นพิษจากโลหะหนัก , พิษจากยาพาราเซตามอลเกินขนาด , ทำลายพิษในตับ , ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานในคนไข้โรคเอดส์และมะเร็ง ใช้ต้านความชรา แต่ข้อมูลที่ใช้รักษาฝ้าและผิวพรรณให้เปล่งปลั่งเหมือนแสงออร่านั้นยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์

ชนิดและขนาดรับประทาน

ปัจจุบัน กลูตาไธโอนมีวางจำหน่ายหลายรูปแบบ เช่น ชนิดเม็ด หรือ แคปซูล ชนิดฉีดเข้าหลอดเลือดและเข้ากล้ามเนื้อ ผู้ป่วยโรคชนิดที่ตรวจพบว่า มีการขาดสารนี้ ควรใช้ตามที่แพทย์แนะนำ ในแง่ของการป้องกันหรือเพื่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ขนาดที่ควรรับประทาน 500-1,000 มิลลิกรัม ต่อวัน

อย่างไรก็ดี วัตถุดิบอาหารที่ได้กล่าวมานั้นคือวัตถุดิบที่อุดมไปด้วย “กลูต้าไธโอน” สามารถหาได้ง่ายและรับประทานได้ทุกวัน ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ห่างไกลจากโรคภัยต่าง ๆ แล้ว ยังช่วยให้ระบบอื่น ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของกลูต้าที่มาในชนิดของอาหารเสริมหรือยา ก็มีส่วนที่เป็นคุณประโยชน์ในการช่วยแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด แต่ก็มีข้อควรระวังในการรับประทาน ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นกลูต้าชนิดใด ก็ควรปรึกษาแพทย์ในการรับประทานเพื่อความปลอดภัยค่ะ

บทความที่น่าสนใจ

อาหารเสริมผิว ทานอย่างไรให้ผิวสวย ออร่าจับ

วิธีการตรวจสอบ กลูต้าแท้กับกลูต้าปลอม

อาหารเสริมผิวขาวตัวไหนดี เลือกยังไงให้ปลอดภัยและเหมาะกับเรา

 

สนใจผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างแบรนด์ ของตัวเอง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ใบเสนอราคา สินค้าตัวอย่าง
Call Center : 063-6246599


โรงงานผลิตอาหารเสริม

โรงงานรับผลิตอาหารเสริม เวชสำอาง เครื่องสำอาง ครีมทุกชนิดอย่างครบวงจร
เราสรรสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล

ทำไมต้อง  ผลิตอาหารเสริมกับเรา
บริการของเรา
มุ่งเน้นการให้บริการแบบครบวงจร
สินค้าแนะนำ 12 รายการ สูตรระดับพรีเมี่ยม